แม้กระทั่งการตั้งเป้าลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของโรงงานให้สอดคล้องกับแนวคิดธุรกิจสีเขียวสิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นต้นทุนเพิ่มเติมในระยะสั้น ผลิตและจำหน่ายข้าวเกรียบเป็นจุดแข็งสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ได้รับการยอมรับในระดับสูงจากผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อโลกและสังคม เมื่อทุกองค์ประกอบทำงานร่วมกันอย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นการคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน การใส่ใจในกระบวนการผลิต การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การใช้กลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงหัวใจผู้บริโภค การรักษามาตรฐานสากล การขยายตลาดอย่างมียุทธศาสตร์

ผลิตและจำหน่ายข้าวเกรียบสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง

เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และสร้างชื่อเสียงให้กับข้าวเกรียบไทยในระดับโลกได้อย่างแท้จริง และในวันหนึ่งข้างหน้าข้าวเกรียบที่เริ่มต้นจากโรงงานเล็ก ๆ หรือครัวหลังบ้าน ก็อาจกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพ ความตั้งใจ และเสน่ห์ของอาหารว่างไทยที่ไม่มีวันล้าสมัย เพื่อเสริมสร้างรากฐานของธุรกิจผลิตและจำหน่ายข้าวเกรียบให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การให้ความรู้แก่ทีมงานในทุกระดับถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นพนักงานฝ่ายผลิตที่ต้องเข้าใจกระบวนการควบคุมคุณภาพและสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ไปจนถึงทีมการตลาดที่ต้องเรียนรู้การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและนำเสนอจุดขายของสินค้าด้วยภาษาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงใจ การฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ผลิตและจำหน่ายข้าวเกรียบจะทำให้ทีมงานทุกคนสามารถเติบโตไปพร้อมกับองค์กร มีความภาคภูมิใจในผลิตภัณฑ์ที่ตนเองมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ และนำไปสู่ความสามัคคีและความทุ่มเทซึ่งเป็นกำลังหลักของทุกธุรกิจที่ยั่งยืน

การสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายชุมชนหรือเกษตรกรในท้องถิ่น

โดยเฉพาะในเรื่องของวัตถุดิบหลัก เช่น ข้าว ข้าวโพด หรือมันสำปะหลัง ซึ่งหากสามารถรับซื้อโดยตรงจากกลุ่มเกษตรกรโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ก็จะช่วยลดต้นทุนด้านวัตถุดิบ เพิ่มรายได้ให้ชาวบ้าน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว ถือเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจ ทั้งยังสามารถใช้เป็นจุดขายเชิงจริยธรรมของแบรนด์ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับการบริโภคอย่างมีจิตสำนึกและรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย

การใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงประสบการณ์ (Experiential Marketing) ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถนำมาใช้กับธุรกิจผลิตและจำหน่ายข้าวเกรียบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดกิจกรรมสาธิตการทำข้าวเกรียบในงานแฟร์หรืองานอีเวนต์ การให้ลูกค้าได้ลองชิมฟรี การจัดทำ “เวิร์คช็อป” ทำข้าวเกรียบในโรงงานแบบเปิดบ้านให้เข้าชม จะช่วยให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกผูกพันกับแบรนด์มากขึ้น เข้าใจที่มาของผลิตภัณฑ์ ผลิตและจำหน่ายข้าวเกรียบที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ รวมถึงอาจกลายเป็นกระบอกเสียงช่วยโฆษณาผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางส่วนตัว